วันแห่งความสนุกของครอบครัวกับวิถีใหม่แห่งการท่องเที่ยวฟุตามิ เมืองอิเสะ

วันแห่งความสนุกของครอบครัวกับวิถีใหม่แห่งการท่องเที่ยวฟุตามิ เมืองอิเสะ

วันนี้เรามุ่งหน้าไปยังสถานที่โปรดของฉันในจังหวัดมิเอะ นั่นคือเมืองอิเสะ ทำไมฉันถึงชอบที่นี่มากนัก? พูดง่ายๆ ก็คือเมืองอิเสะเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าชินโตที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น อิเสะจิงกุ ทุกครั้งที่ฉันมาที่เมืองอิเสะ ฉันสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของเมืองนี้
อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้มาที่เมืองอิเสะเพื่อขอพรแต่เรามาเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อเที่ยวชมเมืองด้วยรถสามล้อหรือที่รู้จักกันดีในชื่อรถตุ๊กตุ๊ก เป็นอีกครั้งที่เมื่อถูกถามว่าอยากลองทำไหม ฉันก็ตอบไปทันทีโดยไม่ได้ปรึกษาสามีหรือลูกชายเลยว่า "ได้"
ฉันชื่อไอซิส อาเคมิ มุโต จากเซาเปาโล ประเทศบราซิล ฉันอาศัยอยู่ในจังหวัดมิเอะประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลากว่า 22 ปีแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันและสามีเริ่มท่องเที่ยวรอบๆมิเอะแบบไปเช้าเย็นกลับกัน

เราได้พบกับคุณโอบายาชิที่ทาวิโซที่เช่ารถตุ๊กตุ๊ก EV ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับอิเสะจิงกุ ไนคุ

รถตุ๊กตุ๊กเป็นรถสามล้อรับจ้างที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย ฉันคิดว่าฉันไม่สามารถนั่งรถตุ๊กตุ๊กได้เว้นแต่จะไปประเทศไทยฉันจึงตื่นเต้นที่จะได้รู้ว่ามันรู้สึกอย่างไรที่ได้ขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก รถตุ๊กตุ๊กคันนี้ค่อนข้างทันสมัยและรองรับผู้โดยสารได้ 3 คน คือคนขับและอีก 2 คนด้านหลัง ยิ่งไปกว่านั้น พลังงานที่ใช้คือ EV! มันเป็นรถที่ไม่มีหน้าต่างดังนั้นฉันจึงคิดว่ามันดีมากที่ไม่มีการปล่อยไอเสีย "ทาวิโซ" ยังให้เช่ามอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ เรียกว่า “จิ๊ดไจ้ไบค์” ซึ่งแปลว่ามอเตอร์ไซค์จิ๋วอีกด้วย

ในการขับรถตุ๊กตุ๊กนี้ คุณต้องมีใบขับขี่ที่อนุญาตให้คุณขับรถในญี่ปุ่นได้
เว็บไซต์อ้างอิง : https://www.japan.travel/en/plan/getting-around/cars/

ก่อนออกผจญภัยเราได้ฟังคำอธิบายสั้นๆ
 แต่สำคัญ เรามีเส้นทางให้เลือก 3 เส้นทาง และเวลาที่เราสามารถใช้รถตุ๊กตุ๊กได้นั้นจะขึ้นอยู่กับเส้นทางที่เราเลือก ดังนั้นเราจึงเลือกเส้นทางที่สนุกได้นานที่สุด

เมื่อเลือกเส้นทางได้แล้ว ดานี่สามีของฉันก็ทดลองขับดู

ดานี่เป็นคนที่คลั่งไคล้รถยนต์ เขามักจะเป็นคนขับรถเมื่อเราออกไปข้างนอกกันอยู่เสมอ
เขาชอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ดังนั้นเขาจึงดูสนุกสนานมากระหว่างการทดลองขับนี้

เมื่อเสร็จสิ้นการทดลองขับ เราก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายแรกของเรา นั่นคือ แม่น้ำอิซูซุกาวะ

เรานั่งรถตุ๊กตุ๊กไปตามถนนที่มุ่งหน้าจากที่จอดรถบัสหน้าไนคุ มันเป็นถนนที่แคบมากและมีรถสัญจรเพียงเล็กน้อย ฉันมองเห็นแม่น้ำอีซูซุไหลเอื่อยๆอยู่ด้านซ้ายมือ หลังจากขับรถมาประมาณ 5 นาที ฉันก็มาถึงจุดที่เรียกว่า "โทบิอิชิ" ซึ่งมีก้อนหินเรียงรายอยู่ในแม่น้ำ

"โทบิอิชิ" หมายถึงก้อนหินสำหรับเหยียบเป็นทางเดินในน้ำตื้นๆ และเส้นทางนี้ก็เป็นทางเดินหินกลางแม่น้ำอิซูซุที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันน่าทึ่ง การไปฝั่งตรงข้ามนั้นถูกห้ามแต่คุณสามารถสัมผัสความเย็นของน้ำและกระแสน้ำที่เงียบสงบบนหินก้อนใหญ่ได้

ฉันทึ่งในความงามของที่นี่มากจนต้องมานั่งฟังเสียงน้ำใสไหลรินไปตามแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์

คุณโอบายาชิถึงกับท้าทายว่าเราสามารถสังเกตความแตกต่างของเสียงน้ำที่ไหลลงมาในแม่น้ำได้ไหม ลองเดาดูสิ?! เราทำได้! เห็นได้ชัดว่าตามเส้นทางเดินหินนี้เสียงของน้ำจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่ จุดที่ฉันนั่งอยู่นี้พวกเขาเรียกว่า "จุดโปโจ โปโจ" ซึ่งมาจากเสียงที่มันทำให้ดัง "โปโจ โปโจ" นั่นเอง 
เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะฟังเสียงของธรรมชาติ คุณจะประหลาดใจกับสิ่งที่คุณได้ยิน
เราบอกลา "จุดโปโจ โปโจ" และเริ่มนั่งรถตุ๊กตุ๊กของจริงกัน!

ดานี่ไม่มีปัญหาในการขับรถตุ๊กตุ๊กเพราะเขาเคยขี่มอเตอร์ไซค์มาก่อน ฉันมักจะกลัวการนั่งมอเตอร์ไซค์แม้จะนั่งหลังก็ตาม และตุ๊กตุ๊กก็ไม่มีประตูด้วย! แต่กลับกลายเป็นว่ามันไม่น่ากลัวเลย! ความเร็วสูงสุดของรถตุ๊กตุ๊กน่าจะอยู่ที่ประมาณ 40 กม.ชม. ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกลัว (จริงไหม?!?!)
วันที่เรานั่งรถตุ๊กตุ๊กนั้นอากาศหนาวมาก แต่พวกเราเป็นคนประเภทที่พยายามสนุกกับช่วงเวลานั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และเราก็ทำเช่นนั้น ทั้งความเร็วของรถตุ๊กตุ๊กและที่นั่งนั้นก็สบายมาก

ก่อนถึงจุดหมายหลักของเรา เราขับผ่านนาข้าว หากคุณอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น คุณอาจจะสงสัยว่า "แล้วมันมีอะไรพิเศษเหรอ? เราเห็นนาข้าวได้ทุกที่ในญี่ปุ่นนี่นา" ใช่แล้ว! แต่อย่างไรก็ตาม นาข้าวแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงนาข้าวทั่วไปแต่เป็นนาข้าวอิเสะจิงกุ! สถานที่นี้ศักดิ์สิทธิ์พอๆกับพื้นที่ที่อิเสะจิงกุตั้งอยู่คือไม่มีใครเข้าไปได้ เราสามารถมองนาข้าวได้จากด้านนอกเท่านั้น ถึงกระนั้น มันก็สวยงาม และการได้รู้ว่านี่คือนาข้าวศักดิ์สิทธิ์ของอิเสะจิงกุ ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่ามันพิเศษมาก

เรานั่งรถกันต่อไป สิ่งที่ยอดเยี่ยมในการนั่งรถตุ๊กตุ๊กเพื่อเที่ยวชมคือเราสามารถชื่นชมและซาบซึ้งไปกับวิวทิวทัศน์ได้ดีกว่าการนั่งในรถยนต์ และบนรถมอเตอร์ไซค์นั้นฉันไม่สามารถถือกล้องและถ่ายภาพได้เลย

บางครั้งเราไปผิดเส้นทางและหลงทาง ฉันคิดว่าฉันคงตื่นตระหนกแต่ฉันกลับหัวเราะออกมาแทน ลูกชายของฉันกังวลเล็กน้อย แต่ฉันบอกให้เขาผ่อนคลายและสนุกกับช่วงเวลานี้! ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เราจะพบเส้นทางที่ถูกต้อง และเราก็พบ ในท้ายที่สุด เราทุกคนก็พากันหัวเราะ

เรามาถึงเมืองฟุตามิจุดหมายปลายทางหลักของเราโดยสวัสดิภาพ ในอดีตฟุตามิคือสถานที่ที่ผู้คนจะชำระร่างกายให้บริสุทธิ์ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังอิเสะจิงกุ ร้านค้า ร้านอาหาร และบ้านเรือนหลายแห่งรอบๆ 

ร้านค้า ร้านอาหาร และบ้านเรือนหลายแห่งรอบๆ 

ฟุตามิยังคงรักษาสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่งดงามเอาไว้ในการก่อสร้าง


นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่ฉันมาที่ฟุตามิ แต่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาเยี่ยมชมฮินจิสึคัง ทุกครั้งที่ฉันไปเยี่ยมชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ฉันรู้สึกประทับใจเสมอกับสถานที่บางแห่งที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และฮินจิสึคังก็เป็นหนึ่งในนั้น มันถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1887 เพื่อเป็นที่พักรับรองสำหรับแขกคนสำคัญที่มาเยือนอิเสะจิงกุ
ปัจจุบันอาคารแห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ทำให้ทุกคนสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้

การตกแต่งภายในนั้นน่าประทับใจมาก เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ผสมผสานกับการออกแบบอันละเอียดอ่อนของญี่ปุ่น
ฉันได้ยินมาว่าเมื่อแรกสร้างไม่ใหญ่เท่าปัจจุบันนี้ แต่ก็สร้างเสร็จในเวลาเพียงสองเดือน ฉันประหลาดใจและแทบไม่อยากเชื่อเลย

บนชั้น 2 มีห้องโถงใหญ่ที่มีเสื่อทาทามิถึง 120 ผืน และน่าจะเป็นสถานที่สำหรับจัดกิจกรรม ป้ายอักษรคันจิที่บอกด้วยตัวของมันเองว่า"ประเทศที่มีเหล้าสาเกนั้นน่ารื่นรมย์ราวกับฤดูใบไม้ผลิที่ไม่มีวันสิ้นสุด"! ฉันสังเกตเห็นว่าการตกแต่งได้รับอิทธิพลจากยุโรปอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วยังคงหลงเหลือสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่สวยงาม

แล้วเราจะพูดอะไรถึงวิวสุดอลังการแบบนี้ได้อีกล่ะ?! ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนสำคัญที่มาเยือนในเวลานั้นจะมาที่ฮินจิสึคังแทบทุกครั้งที่มีโอกาส
คุณสามารถนั่งบนดาดฟ้าและจ้องมองสวนสวยแห่งนี้ได้ตลอดทั้งวัน

เราออกจากฮินจิสึคังที่สวยงามและนั่งรถตุ๊กตุ๊กไปยังศาลเจ้าที่อยู่ใกล้ๆ เราสามารถเดินจากฮินจิสึคังไปยังศาลเจ้าได้ แต่เราอยากนั่งรถตุ๊กตุ๊กให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ฮินจิสึคัง

https://hinjitsukan.com/
TEL:0596-43-2003

สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำในบทความนี้