เมืองคุมาโนะ เมืองที่มีทิวทัศน์สวยงามและผลิตภัณฑ์พิเศษปรากฏขึ้นเรื่อยๆ

เมืองคุมาโนะ เมืองที่มีทิวทัศน์สวยงามและผลิตภัณฑ์พิเศษปรากฏขึ้นเรื่อยๆ

จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้คือเมืองคุมาโนะ จนถึงปีที่แล้ว ฉันรู้จักเมืองนี้เพียงแค่เทศกาลดอกไม้ไฟฤดูร้อนที่มีชื่อเสียง จากนั้นหลังทำการค้นคว้าบางอย่าง ฉันได้พบกับจุดชมวิวที่เป็นการก่อตัวของหิน โอนิกะโจ (ปราสาทปีศาจ) และชิชิอิวะ (หินสิงโต) ฯลฯ
และในวันนี้ เราได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวที่พิเศษที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองคุมาโนะ นั่นคือ คุมาโนะ โคโด

ฉันชื่อไอซิส อาเคมิ มุโต จากเซาเปาโล ประเทศบราซิล ฉันอาศัยอยู่ในจังหวัดมิเอะประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลากว่า 22 ปีแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันและสามีเริ่มท่องเที่ยวรอบๆมิเอะแบบไปเช้าเย็นกลับกัน

คำบรรยายภาพ : ทางเข้าสู่มัตสึโมโตะโทเกะที่งดงาม

วันนี้เป็นครั้งที่ 3 ของเราในคุมาโนะและฉันมั่นใจว่ามันจะเป็นการผจญภัยครั้งใหม่อย่างแน่นอน เริ่มแรกเลย เรามีไกด์นำเที่ยวคือ คุณฮายาชิ คุณฮายาชิเป็นคนท้องถิ่นที่ทำงานเป็นไกด์นำเที่ยวมาหลายปีแล้ว!และเพื่อความสุขใจของเรา เขาพูดภาษาอังกฤษได้

คำบรรยายภาพ : คำอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับเส้นทางก่อนเริ่มการเดินทางของเรา

เราเริ่มต้นการเดินทางที่มัตสึโมโตะโทเกะ และคุณฮายาชิรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเส้นทางนี้ ฉันตั้งหน้าตั้งตารอการเดินทางส่วนนี้มากๆ เมื่อคุณไปปีนเขาบนภูเขาแห่งหนึ่งก็จะเป็นเรื่องหนึ่งแต่เมื่อคุณปีนเขาบนเส้นทางประวัติศาสตร์อย่างมัตสึโมโตะโทเกะกับไกด์นำเที่ยวก็จะเป็นเรื่องที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เราเรียนรู้จากคุณฮายาชิว่าเส้นทางมัตสึโมโตะโทเกะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางอิเสะจิ ซึ่งเป็นเส้นทางแสวงบุญโบราณที่เชื่อมต่อคุมาโนะกับศาลเจ้าอิเสะพร้อมกับเส้นทางอื่นๆอีกสองเส้นทางที่รู้จักกันในชื่อคุมาโนะโคโด และเส้นทางแสวงบุญเหล่านั้นได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2004

คำบรรยายภาพ : ทางเดินหินจากสมัยเอโดะ

ทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปในป่า ฉันรู้สึกทึ่งกับทางเดินหินอันน่าเหลือเชื่อ พวกนี้เป็นหินประวัติศาสตร์จากสมัยเอโดะและช่างน่าประทับใจที่หินเหล่านี้ดูแทบไม่เสียหายเลยแม้ว่าเวลาจะผ่านไป 400 ปีแล้วนับตั้งแต่มีการสร้างเส้นทางนี้/ สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือ ฉันพบว่าในการก่อสร้างใช้แต่หินเท่านั้นไม่ได้ใช้ปูนซีเมนต์เลย มันเป็นไปได้อย่างไร? นี่ถือเป็นงานศิลปะอย่างแท้จริง

ข้อดีอย่างหนึ่งของการเดินไปพร้อมกับไกด์ก็คือ เมื่อมีคำถามขึ้นมาคุณจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำตอบอยู่ด้วยฉันมีคำถามมากมายและโชคดีที่เรามีคุณฮายาชิคอยตอบคำถามเหล่านั้น

คำบรรยายภาพ: หินที่ออกแบบมาสำหรับให้นักเดินทางและชาวเมืองที่แบกสัมภาระได้พักผ่อน

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือตามทางเดินจะมีก้อนหินขนาดยักษ์แบบนี้ ซึ่งฉันคิดว่าน่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่แล้วเราก็ได้มารู้ว่าหินเหล่านี้เคยถูกชาวบ้านใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนเหมือนที่ฉันกับดานิใช้มันในรูปถ่าย

คำบรรยายภาพ : รูปปั้นชื่อดังที่มีรูกระสุนอายุมากกว่า 300 ปี

ทุกคนที่มาที่มัตสึโมโตะโทเกะจะได้ยินเรื่องนี้ และฉันต้องแบ่งปันให้คุณได้ฟังด้วย ดูเหมือนว่ามีนายพรานคนหนึ่งออกจากบ้านไปในตอนเช้าแล้วพวกชาวบ้านก็สร้างรูปปั้นขึ้นมาในขณะที่นายพรานไม่อยู่ เมื่อนายพรานกลับมาตอนกลางคืน เขาคิดว่ามันเป็นผีเขาตื่นตระหนกและยิงรูปปั้นนั้น

คำบรรยายภาพ : เส้นทางที่สวยงามของมัตสึโมโตะโทเกะซึ่งถูกรายล้อมไปด้วยต้นสน

ที่ญี่ปุ่น เราจะเห็นคนทุกเพศทุกวัยเดินป่า ตั้งแต่เด็กทารกที่มีพ่อแม่อุ้มไปจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ปกติในบราซิล จริงๆ แล้วตอนที่ฉันอยู่ที่นั่น ฉันไม่เคยเห็นเด็กหรือผู้สูงอายุเดินป่าเลย ดังนั้นเส้นทางมัตสึโมโตะโทเกะจึงไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางที่มีต้นไม้ใหญ่สร้างทิวทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจเท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับครอบครัวอีกด้วย

คำบรรยายภาพ : พักกันสักนิดกับคุณฮายาชิที่ศาลาพร้อมชมวิวสวยๆ

เราไปถึงจุดที่สูงที่สุดและพบศาลาที่ด้านบนซึ่งมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของหาดชิจิริมิฮามะ เรานั่งกันสักพักและพูดคุยกันขณะรับประทานส้มคุมาโนะแสนอร่อยที่คุณฮายาชินำมาให้เรา คุณฮายาชิเล่าเรื่องให้เราฟังมากมาย และถ้าเราไม่จำเป็นต้องรักษาเวลาตามกำหนดการ เราอาจใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อฟังเขาเล่าเรื่องตอนที่เขายังเป็นเด็กซึ่งเขาได้เห็นเต่ามากมายที่ชายหาดและเหล่าปลาวาฬด้วย!

เราเดินทางกลับสู่เมืองโดยรู้ว่าสักวันหนึ่งเราจะกลับมาอีกและคราวหน้าเราจะพาลูกชายของเรามาด้วย

คำบรรยายภาพ : เกสต์เฮาส์ "อะบูเด็น" ในอาคารไม้ที่ผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆเข้ากับความทันสมัย

ในบริเวณใกล้กับทางเข้าด้านตะวันตกของมัตสึโมโตะโทเกะมีบ้านญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งที่มีหน้าต่างเป็นไม้ระแนงเก่าๆ
หนึ่งในบ้านเหล่านี้มีการผสมผสานระหว่างบ้านสีชมพูสไตล์ตะวันตกและบ้านญี่ปุ่นที่สะดุดตาด้วย

ฉันอ่านจากเว็บไซต์ของ KankoMie ว่าที่นั่นเป็นเกสต์เฮ้าส์ชื่อ "อะบูเด็น" ที่มีการตกแต่งภายในแบบญี่ปุ่นโบราณที่น่ารัก
วันนั้นเราไม่สามารถเข้าไปข้างในได้แต่ก็อยากจะไปที่นั่นในสักวันหนึ่ง
https://www.kankomie.or.jp/en/report/detail_211.html

คำบรรยายภาพ : ประสบการณ์การทำเมฮาริซูชิ

เรามุ่งหน้าไปยังคุมาโนะ โคโด โอโมเทะนาชิกังร้านอาหารที่เราจะไปทานมื้อกลางวันพร้อมกับสัมผัสประสบการณ์การทำเมฮาริซูชิ
เมฮาริซูชิใช้ชื่อเรียก "ซูชิ" ก็จริง แต่เมื่อเราได้ลองทำดูจริงๆ แล้ว มันทำเหมือนข้าวปั้น เว้นแต่แทนที่จะใช้ "โนริ" สาหร่ายทะเลที่กินได้เราใช้ใบมัสตาร์ดดองแทน
สำหรับประสบการณ์ของเรา เรามีพนักงานหญิงผู้ใจดี 2 คนและหนึ่งสุภาพบุรุษหนุ่มที่พูดภาษาอังกฤษได้เป็นครูของเรา

โชคดีที่ขั้นตอนการทำนั้นง่ายเพราะฉันทำอาหารไม่เก่ง เมฮาริซูชินั้นอร่อยมาก แม้รสชาติของใบมัสตาร์ดจะแรงไปหน่อยสำหรับฉันแต่สามีของฉันชอบมันมาก ฉันคิดว่ามีแค่ใบมัสตาร์ดเท่านั้นที่ให้รสชาติของข้าวปั้นโดยไม่จำเป็นต้องใส่ส่วนผสมอื่น แต่จริงๆ แล้วมีการใส่ส่วนผสมบางอย่างลงไปด้วย และที่โอโมเทะนาชิกัง เราก็มีหลายตัวเลือกให้เลือก นอกจากเมฮาริซูชิที่เราทำแล้ว เรายังมีอุด้งที่ใช้เนื้อไก่ที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทานในญี่ปุ่นด้วย

คำบรรยายภาพ : เซ็ตเมฮาริซูชิและอุด้ง

คำอธิบายภาพ : ภายในคุมาโนะ โคโด โอโมเทะนาชิกังที่ที่เราทานอาหารกลางวันแสนอร่อย

ฉันชอบการตกแต่งภายในและการตกแต่งบ้านของญี่ปุ่น สถานที่บางแห่งพยายามที่จะตกแต่งให้ทันสมัยในขณะที่ยังคงรักษาประวัติศาสตร์ไว้บางส่วน แต่ฉันรู้สึกว่าที่นี่เป็นประวัติศาสตร์ทั้งหมดซึ่งฉันคิดว่ามันมีเสน่ห์ที่ละเอียดอ่อนและสวยงาม คุมาโนะ โคโด โอโมเทะนาชิกังยังมีการจำหน่ายของที่ระลึกและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอีกด้วย

คำบรรยายภาพ : น้ำนิอิฮิเมะและน้ำส้มแมนดารินเป็นของโปรดของฉัน

เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นฉันต้องพูดถึงน้ำนี้เพราะเป็นน้ำที่คุณไม่สามารถหาได้จากที่ไหนนอกจากในคุมาโนะ มันทำมาจากผลไม้ที่สร้างขึ้นในคุมาโนะเรียกว่า นิอิฮิเมะ ตามคำอธิบายของเจ้าหน้าที่ นิอิฮิเมะเป็นลูกผสมของผลไม้อีกสองชนิด คือ ส้มแมนดารินทาจิบานะและส้มแมนดารินพื้นเมืองในญี่ปุ่น น้ำนี้เป็นน้ำที่ฉันอยากขอแนะนำหากคุณมองหาเครื่องดื่มในท้องถิ่นเพื่อสุขภาพ บวกกับน้ำส้มแมนดาริน 100%! เครื่องดื่มทั้งสองนี้ดีมากเลยล่ะ!

คำบรรยายภาพ : ฮาเนะคาเฟ่สุดน่ารัก

หลังสัมผัสประสบการณ์ไปสองอย่าง เราก็ไปที่ร้านค้ายอดนิยมสองแห่งในเมือง
สำหรับของหวานเราไปกันที่ฮาเนะคาเฟ่ คาเฟ่น่ารักๆ ที่ตกแต่งแบบโมเดิร์นแสนมีเสน่ห์ติดถนนใหญ่มองหาง่าย สิ่งแรกที่เราสังเกตเห็นคือมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าร้านกาแฟซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์ของเจ้าของร้าน สามีของฉันเป็นคนรักมอเตอร์ไซค์เขาจึงยืนชื่นชมมอเตอร์ไซค์ขณะที่ฉันดูเมนูต่างๆ ที่พวกเขามี เนื่องจากเราทานอาหารกลางวันกันแล้วเราจึงตัดสินใจที่จะทานขนมหวานออริจินัลของที่นี่คือ "ครัวซองค์พัฟ" ซึ่งเป็นขนมที่ผสมผสานระหว่างครัวซองต์โครแคนและครีมพั 
ฟกับเครื่องดื่มเครื่องดื่มพุดดิ้งแสนอร่อยและมันสำปะหลังมัทฉะ
มันดีมากที่ได้นั่งดื่มเครื่องดื่มของเราข้างนอกมองดูรถที่วิ่งผ่านและฟังเสียงของมหาสมุทร ทุกเมนูหน้าตาน่ารักน่าทานมากทั้งหวานและอร่อย! บางคนก็ซื้อเครื่องดื่มที่ฮาเนะคาเฟ่แล้วไปที่ชายหาดเพื่อพักผ่อน

คำบรรยายภาพ : ร้านเสื้อยืดท้องถิ่น Marimo/T Factory ตั้งอยู่ในแหล่งช็อปปิ้ง


และแล้วเราก็มาถึงจุดหมายสุดท้ายของวัน ร้านขายของที่ระลึกที่ขายสินค้ามากมายที่ออกแบบเอง ฉันรู้สึกว่าร้านนี้เป็นแหล่งรวบรวมเสน่ห์ของคุมาโนะ เช่น เสื้อยืดและพัดพับได้ที่มีดีไซน์คล้ายตัวอักษรคันจิของญี่ปุ่นและเสื้อเชิ้ตที่ย้อมด้วยต้นซากุระท้องถิ่น
มันยากมากที่จะตัดสินใจว่าจะซื้อของที่ระลึกชิ้นไหนเพราะที่นี่มีผลิตภัณฑ์มากมายหลากหลายมีดีไซน์ที่สวยงาม แต่ฉันก็ตัดสินใจซื้อเสื้อยืดซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันสามารถใส่ได้ทุกที่โดยบนเสื้อมีชื่อของหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงของคุมาโนะ นั่นคือ คุมาโนะ โคโด

คำบรรยายภาพ : เดินไปรอบๆ ชิจิริ มิฮามะด้วยเสื้อยืดคุมาโนะ โคโด

แม้จะขัดกับความตั้งใจของเราแต่วันของเราในคุมาโนะได้ถึงเวลาสิ้นสุดลงแล้ว เราได้ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ตามกำหนดการ และเนื่องจากเรายังมีเวลาเหลือก่อนพระอาทิตย์ตกดินเราจึงไปสถานที่อื่นๆ ซึ่งเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกด้วย
ศาลเจ้าฮานะโนะอิวะยะ (ถ้ำดอกไม้ ศาลเจ้าชินโต) ชิชิอิวะ (หินสิงโต) และ โอนิกะโจ (ปราสาทปีศาจ)
ในคุมาโนะ เราตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามที่เราได้เห็นอย่างต่อเนื่อง
คุมาโนะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ฉันมีช่วงเวลาที่ดีและอยากกลับไปอีก ที่นี่ยังมีที่ให้เที่ยวอีกเยอะแยะมากมาย

สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำในบทความนี้