หากคุณต้องการลิ้มรสหอยนางรมอิวะกาคิและหอยนางรมดิบ จังหวัดมิเอะในญี่ปุ่นคือที่ที่ดีที่สุด!

ในญี่ปุ่นจะมีหอยนางรมอยู่ 2 ชนิดที่สามารถจับได้เป็นหลัก คือ "หอยนางรมมากาคิ" และ "หอยนางรมอิวะกาคิ" หอยนางรมมากาคิที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่วนใหญ่จะมีแหล่งผลิตอยู่ทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนหอยนางรมอิวะกาคิที่จับตามธรรมชาติเป็นหลักมักจะมีแหล่งผลิตส่วนใหญ่อยู่ทางฝั่งทะเลญี่ปุ่น

อาหารจากหอยนางรมที่เป็นที่นิยมในญี่ปุ่น ได้แก่ หอยนางรมย่าง หอยนางรมชุบแป้งทอด หม้อไฟ ซูชิ ข้าวอบหอยนางรม ฯลฯ แต่หอยนางรมดิบเป็นเมนูที่เราขอแนะนำ ที่ญี่ปุ่น หอยนางรมที่เก็บในพื้นที่ที่ได้รับการตรวจสอบจากศูนย์สุขภาพท้องถิ่นและตรงตามมาตรฐานที่กำหนดจะสามารถรับประทานแบบดิบๆ ได้

แหล่งผลิตหอยนางรมขนาดใหญ่สองแห่งในญี่ปุ่นคือ "ฮิโรชิมะ" และ "มิยางิ"  นอกจากนี้ยังมีแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงอื่นๆ อีก ได้แก่ โอคายามะ ฮอกไกโด อิวาเทะ นางาซากิ และมิเอะ

การเลี้ยงหอยนางรมในฮิโรชิม่าเริ่มต้นขึ้นในทศวรรษที่ 1500 ด้วยน้ำทะเลที่สงบ อุดมด้วยสารอาหาร และกระแสน้ำปานกลาง ทำให้หอยนางรมเจริญเติบโตได้ดี แม้ว่าเปลือกจะเล็กแต่ตัวใหญ่ หนา และมีรสชาติเข้มข้น การเพาะเลี้ยงหอยนางรมในฮิโรชิม่าส่วนมากเป็นหอยแบบที่ต้องปรุงผ่านความร้อน

ภูมิภาคซันริคุในจังหวัดมิยางิเป็นแหล่งตกปลาชั้นดีที่มีกระแสน้ำเย็นและกระแสน้ำอุ่นไหลมาบรรจบกัน นอกจากนี้ ฝนที่ตกในป่าของภูเขาบนชายฝั่งทะเลริอายังไหลซึมลึกลงไปในพื้นดินเป็นเวลาหลายปี ไหลลงสู่ทะเลและเลี้ยงดูแพลงก์ตอนซึ่งเป็นอาหารของหอยนางรม การเพาะเลี้ยงหอยนางรมในมิยากิส่วนมากเป็นหอยสำหรับรับประทานดิบ

ฮอกไกโดมีเขตน้ำนิ่งที่เหมาะสำหรับการเลี้ยงหอยนางรมอยู่อย่างจำกัด และปริมาณการเพาะเลี้ยงก็ไม่มากนัก แต่เมื่อรวมกับการเลี้ยงหอยเชลล์และน้ำที่มีความเย็น ทำให้มีแพลงตอนพืชที่ทราบกันว่าเป็นอาหารของหอยนางรมอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ หอยนางรมจึงสามารถเติบโตและเก็บได้ง่ายตลอดทั้งปี มีจุดเด่นที่เปลือกหอยขนาดใหญ่

จังหวัดมิเอะเป็นแหล่งผลิตหอยนางรมที่มีปริมาณการผลิตมากเป็นอันดับ 7 ของญี่ปุ่น และเป็นที่นิยมในภัตตาคารบาร์หอยนางรมในโตเกียว โดยเฉพาะหอยนางรมมาโตยะซึ่งเป็นหอยนางรมที่เหมาะสำหรับรับประทานดิบนั้นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ลักษณะเด่นคือคุณสามารถลิ้มรสทั้งมากาคิ (หอยนางรมดิบ) และหอยนางรมอิวะกาคิได้ ในการสำรวจความคิดเห็นทางอินเทอร์เน็ตเมื่อปี 2021 จังหวัดมิเอะได้รับการจัดอันดับให้เป็นจังหวัดที่มีหอยนางรมอร่อยเป็นอันดับ 1

อ่าวมาโตยะบนคาบสมุทรชิมะนั้นมีแม่น้ำสามสายไหลผ่าน และการไหลเข้าออกของน้ำทะเลก็ทำให้เกิดสภาวะทางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเลี้ยงหอยนางรม หอยนางรมมาโตยะที่เลี้ยงในทะเลมาโตยะนั้น นอกจากจะมีแพลงก์ตอนซึ่งเป็นอาหารของพวกมันอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์แล้ว ยังมีวิธีเพาะเลี้ยงที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับอ่าว ทำให้มีเนื้อดีและมีรสหวาน เนื่องจากผ่านวิธีการทำให้หอยนางรมสะอาดบริสุทธิ์โดยใช้รังสีม่วงซึ่งเป็นสิทธิบัตรของซาโต้ฟาร์ม ทำให้เป็นหอยนางรมที่เหมาะสำหรับการรับประทานดิบ ในเดือนมีนาคม ปี 2002 ก็ได้รับการรับรองให้เป็นแบรนด์มิเอะพร้อมกันกับเนื้อวัวมัตสึซากะอีกด้วย หอยนางรมส่วนใหญ่จะถูกส่งตรงไปยังร้านอาหารในโตเกียวและโอซาก้า แต่คุณสามารถลิ้มลองหอยนางรมที่คัดมาสดๆ ได้ที่ "Matoya Kaki Terrace" ซึ่งบริหารจัดการโดยซาโต้ฟาร์มได้

อ่าวโอโนะอุระ ในเขตอุรามุระ ของเมืองโทบะ มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเพาะเลี้ยงหอยนางรมเนื่องจากน้ำจืดที่ไหลมาจากภูเขาโดยรอบผ่านแม่น้ำมีการผสมกันอย่างลงตัวกับน้ำทะเล ทำให้หอยนางรมเติบโตอย่างรวดเร็ว สามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากมีขนาดเล็ก จึงอัดแน่นไปด้วย "ความหวาน" และ "อูมามิ" ส่วนความขมและกลิ่นเฉพาะตัวของหอยนางรมก็มีน้อย

“เพิร์ลโร๊ด” ที่เชื่อมระหว่างโทบะและชิมะถูกเรียกว่า “ออยสเตอร์โร๊ด” มีชื่อเสียงในด้านสถานที่ที่มีร้านขายหอยนางรมที่เป็นที่นิยมอยู่มากมาย ในช่วงฤดูหอยนางรมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม จะมี "กระท่อมหอยนางรม" ที่คุณสามารถย่างและรับประทานหอยนางรมได้มากมาย และมีป้ายที่เขียนว่า "บุปเฟต์หอยนางรม" ตั้งอยู่ ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล

ในเมืองโทบะ จังหวัดมิเอะ อาดาโกะที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของอ่าวมาโตยะนั้นมีสารอาหารจำนวนมากไหลเข้ามาภายในจากแม่น้ำหลายสาย ทำให้หอยนางรมเติบโตตามธรรมชาติในสภาพแวดล้อมคุณภาพสูงภายใต้สภาวะที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ จึงมีคุณภาพเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ตัวหอยมีขนาดอ้วนดีไม่มีพลาด นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองว่าเป็นแบรนด์มิเอะ และยังประสานงานกับ "การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสานกับสาหร่ายทะเล" เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเลอีกด้วย

หอยนางรมที่ถูกเพาะเลี้ยงมาตั้งแต่สมัยโบราณในเมืองคิโฮคุ จังหวัดมิเอะ เนื่องจากพวกมันถูกเพาะเลี้ยงในทะเลสาบชิราอิชิซึ่งเป็นพื้นที่น้ำกร่อยแคบๆ ที่มีขนาดโดยรอบเพียงไม่กี่กิโลเมตร ทำให้ปริมาณการผลิตมีน้อยและยากที่จะหามาได้ จึงถูกเรียกว่า "หอยนางรมแห่งภาพลวงตา"

เมื่อมีฝนตกหนัก น้ำฝนจำนวนมากจากแม่น้ำจะไหลลงสู่ทะเลสาบ เพื่อที่จะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายในน้ำจืดที่มีความลึกถึง 4-5 เมตรได้ หอยนางรมวาตาริกาคิจึงมีคุณลักษณะที่สะสมไกลโคเจน ส่วนประกอบอูมามิ ฯลฯ ไว้ได้ ทำให้มีลักษณะเฉพาะคือเมื่อผ่านความร้อนจะเปลี่ยนเป็นสีออกเหลือง และเนื่องจากพวกมันเติบโตในน้ำกร่อย จึงมีกลิ่นรสเฉพาะตัวของหอยนางรมเพียงน้อยนิด ทำให้เด็กและผู้ที่ไม่ชอบหอยนางรมก็สามารถรับประทานได้

ในญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะรับประทานหอยนางรมมากาคิและหอยนางรมอิวะกาคิ ด้วยสภาพแวดล้อมของท้องทะเลที่สะอาดและเทคนิคการจัดการทำให้คุณสามารถรับประทานหอยนางรมดิบได้อย่างสบายใจ พื้นที่ผลิตหอยนางรมขนาดใหญ่ 2 แห่งคือฮิโรชิม่าและมิยากิ แต่หอยนางรมมิเอะนั้นมีหอยนางรมที่มีชื่อเสียงในด้านการรับประทานดิบตั้งแต่หอยนางรมมาโตยะกาคิ และหอยนางรมที่อร่อยและโดดเด่นอีกมากมายที่ในหมู่ชาวญี่ปุ่นเองก็ได้รับการประเมินให้อยู่ในอันดับสูงด้วยเช่นกัน ถ้าคุณมาเยือนประเทศญี่ปุ่น อย่าลืมมารับประทานหอยนางรมในจังหวัดมิเอะให้ได้นะ!

Photo by Photo Gallery of Mie

○ถนนหอยนางรมแห่งอุรามูระ โทบะ　https://www.kankomie.or.jp/th/spot/detail_23413.html

○ถ้านึกถึงบุฟเฟ่ต์หอยนางรมก็ต้องนึกถึงอุรามุระ เมืองโทบะ มาลิ้มลอง "หอยนางรม" ที่ถือเป็นรสชาติของฤดูหนาวให้อิ่มหนำกันเถอะ　https://www.kankomie.or.jp/th/report/detail_10.html